วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

ดอกราชาวดี

วันนี้มีดอกไม้ที่ไม่ต้องแนะนำให้รู้จักเพราะใครๆก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว นั่นคือต้น "ราชาวดี" พรรณไม้หอมที่ได้รับความนิยมปลูกกันมากมายจนเกือบกลายเป็นไม้สามัญประจำบ้านไปแล้ว ถึงแม้จะมีคนจำนวนมากที่ไม่ชอบราชาวดีเอาเสียเลยก็ตามที
ความฮิตติดลมบนและความน่ารังเกียจเดียดฉันของราชาวดี เกิดจากกลิ่นหอมฉุนรุนแรงของดอกราชาวดี ที่ขยันเบ่งบานได้ทั้งปีทั้งชาติ หากได้รับแสงแดดเต็มวัน ข้อมูลใน Internet ส่วนมากระบุว่า ราชาวดีหอมอ่อนตอนกลางวัน และหอมแรงตอนกลางคืน ผมก็อยากแก้ไขให้เสียใหม่ว่า "ราชาวดีหอมแรงตอนกลางวัน และหอมอย่างรุนแรงตอนกลางคืน" เพราะไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน หากใครปลูกราชาวดีก็จะได้กลิ่นหอมโชยมาตามลมโดยไม่ต้องเดินไปดมไกล้ๆแต่อย่างใด แต่กลิ่นเป็นเรื่องของรสนิยม เหมือนความชอบในทุเรียน ซึ่งเหตุผลเดียวกันสามารถอธิบายได้ว่าทำไมคนบางคนถึงหลงรักราชาวดีหัวปักหัวปำ แต่บางคนยอมลงทุนทะเราะกับเพื่อนบ้านที่ปลูกราชาวดี แต่สำหรับใครที่จมูกแพ้ง่ายผมแนะนำว่าอย่าปลูกเลยหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ ผมเองก็แพ้กลิ่นราชาวดีหากเป็นหวัดแล้วได้กลิ่นจะอยากไอขึ้นมาทันทีเลย แต่ก็ปลูกเพราะ "ชอบ" 
สำหรับการปลูกดูแลราชาวดีนั้น ก็ต้องขยันตัดกันหน่อย เพราะราชาวดีเป็นไม้กึ่งเลื้อย และทอดกิ่งไม่มีรูปแบบแน่นอน จึงต้องตัดแต่งให้เป็นทรงแทบทุกครั้งหลังออกดอกไปแล้ว จะตัดให้เป็นพุ่มๆ หรือจะเลี้ยงให้ลำต้นใหญ่ๆทรงสูงๆก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ขอเพียงน้ำไม่ขัง และได้รับแสงแดดเต็มๆเท่านี้ราชาวดีก็จะออกดอกให้ดอมดมจนเบื่อกันไปข้างหนึ่งเลย
ชื่อที่ชาวโลกส่วนใหญ่เรียกราชาวดีคือ "Butterfly Bush" หรือไม้พุ่มผีเสื้อนั้น ก็เพราะราชาวดีเป็นไม้เรียกผีเสื้อตัวเอ้เลยทีเดียว หากปลูกราชาวดีคุณจะได้ชื่นชมกับผีเสื้อและผองเพื่อนชาวแมลงนานาชนิดเลยทีเดียว แบบที่ผมนำมาให้ชมในเซตนี้ ขอบอกถ่ายดอกไหนก็เจอแต่แมลงครับ
ราชาวดี นั้นเป็นไม้ต่างถิ่นที่สันนิษฐานว่านำเข้ามาปลูกในบ้านเราในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าผู้ใดนำเข้ามา และเพราะกลิ่นที่หอมสะท้านทรวงใครหลายคน และความที่ปลูกง่ายไม่มีโรคแมลงรบกวน ให้ดอกตลอดปี ราชาวดีจึงแพร่หลายเกือบกลายเป็นไม้สามัญประจำบ้านชนิดหนึ่งเลยทีเดียว แต่เหตุที่ไม่ได้เป็นเพราะหลายๆบ้านที่ชอบราชาวดี แต่ต้องตัดทิ้งไปเพราะเบื่อจะวิวาทะกับคนบางคนในบ้าน หรือเพื่อนบ้านบางคน ที่ทนไม่ได้กับความหอมไม่บันยะบันยังของราชาวดี
ชื่อ "ราชาวดี" นั้นเป็นนามที่ไพเราะยิ่งนักสำหรับผม แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นคนตั้ง หรือตั้งชื่อนี้ด้วยเหตุผลกลใด ซึ่ง "ราชาวดี" นั้น เป็นคำที่มีความหมายว่า "ของที่มีขึ้นสำหรับพระราชา" หรือ "ของพระราชา" แต่จากหลักฐานที่ปรากฏ ชื่อ "ราชาวดี" นั้น เริ่มปรากฏในเอกสารภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศไทยผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปแล้ว ชื่อนี้จึงมิน่าจะเกี่ยวข้องกับราชสำนักเท่าไรนัก
แต่หากคำว่า "ราชาวดี" นั้นเป็นคำที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่านั้นมากมายนัก ราชาวดี เป็นชื่อของเครื่องโลหะลงยาสีฟ้า ซึ่งมักเป็นทองหรือเงิน เป็นเครื่องใช้สำหรับพระราชาเท่านั้น สามัญชนไม่มีสิทธิครอบครอง เป็นเครื่องแสดงถึงอำนาจในการปกครองแผ่นดิน
แต่ก็ไม่ทั้งหมดสำหรับสามัญชน นอกจากพระบรมวงศ์ชั้นสูงแล้ว ยังมีขุนนางราชสำนักในตำแหน่งหนึ่งคือ "สมเด็จเจ้าพระยา" ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์สูงสุดสำหรับการรับราชการ ซึ่งจะได้รับพระราชทานเครื่องประกอบบรรดาศักดิ์ทองคำลงยาราชาวดีเช่นเดียวกับพระราชา
โดยตำแหน่ง "สมเด็จเจ้าพระยา" นั้น เริ่มมีขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช และผู้รับตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยาคนแรกก็คือ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งต่อมาปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1)
จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้รับอิสริยศเป็น "สมเด็จเจ้าพระยา" อีก จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) จึงได้มีการแต่งตั้งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์(ดิศ บุนนาค) ขึ้น และต่อมาในรัชสมัยเดียวกันได้แต่งตั้งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ(ทัต บุนนาค) เป็นท่านต่อมา
และผู้ดำรงค์ตำแหน่งสูงศักดิ์นี้ท่านสุดท้ายก็คือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค) ซึ่งดำรงค์ตำแหน่งในช่วงต้นรัชสมัยรัชกาลที่ 5 และยังรั้งตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอีกด้วย รวมแล้วมีผู้ดำรงค์บรรดาศักดิ์นี้เพียงสี่ท่านเท่านั้นตั้งแต่แผ่นดินกรุงธนบุรีจนถึงรัตนโกสินทร์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น